กลุ่ม SCBX ประกาศวิสัยทัศน์ AI-First Organization อย่างเต็มรูปแบบในงาน “SCBX AI Outlook 2025” พร้อมเปิดตัว “AI Whitepaper” ฉบับแรกของประเทศไทย หวังเป็นคู่มือสำคัญนำพาองค์กรไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI เผยกลยุทธ์ผสานพลังหน่วยงานหลัก ขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ตั้งเป้าปี 2027 รายได้ 75% เกี่ยวข้องกับ AI และบุคลากร 15% เป็น AI Talent ชูโมเดลภาษาไทย “ไต้ฝุ่น” เป็นหัวหอก พร้อมโชว์เคสการใช้งานจริงสร้างผลกระทบทางธุรกิจแล้ว
ณ งาน “SCBX AI Outlook 2025: Beginning the Future of Artificial Intelligence” กลุ่ม SCBX ได้ประกาศก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น AI-First Organization อย่างแท้จริง พร้อมเปิดตัว AI Whitepaper ฉบับปฐมฤกษ์ของไทยซึ่งออกแบบมาเพื่อเป็นแนวทางและคู่มือสำหรับองค์กรต่าง ๆ ในการปรับตัวและนำ AI มาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Chief Innovation Officer ของ SCBX กล่าวเปิดงานภายใต้หัวข้อ “Lightning the way: SCBX R&D as the Lighthouse in the age of AI Uncertainty” โดยเน้นย้ำบทบาทของ SCBX ในฐานะผู้นำทางเทคโนโลยี และทีม R&D ที่ทำหน้าที่เสมือน “ประภาคาร” ส่องสว่างนำทางองค์กรไทยและพันธมิตรใน Ecosystem ให้พร้อมรับมือกับยุค Disruptive AI
กวีวุฒิเปิดเผยว่า AI Whitepaper กว่า 30 หน้านี้ ครอบคลุมเนื้อหาสำคัญตั้งแต่โมเดล AI แบบเปิดและปิด, โมเดลขนาดเล็กและใหญ่ ไปจนถึง Agentic AI และ Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจธนาคาร แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวมและการปรับตัวของภาคธุรกิจ
เป้าหมายใหญ่ AI-First Organization สู่ปี 2027
SCBX ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายเพื่อก้าวสู่การเป็น “The Most Admired Financial Group in Southeast Asia” และ AI-First Organization โดยมีตัวชี้วัดหลักภายในปี 2027 ที่ครอบคลุมการทำให้รายได้ 75% ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับ AI และกระบวนการ 75% ได้รับการ automate หรือพัฒนาด้วย AI
กวีวุฒิ กล่าวว่า SCBX คาดการณ์รายได้จาก AI จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 25% ในปี 2025 เป็น 50% ในปี 2026 และแตะ 75% ในปี 2027 นอกจากนี้ เป้าหมายสำคัญอีกประการคือบุคลากร 15% คือ ประมาณ 4,000 คนจากพนักงานกว่า 30,000 คน ต้องเป็น AI Talent โดยให้คำจำกัดความของ “AI Talent” ว่าไม่ได้หมายถึงเพียงผู้ใช้งานทั่วไป แต่คือผู้ที่สามารถพัฒนา AI ได้จริง ซึ่งรวมถึงการ Reskill พนักงานเดิม เช่น Software Engineer ให้สามารถทำงานด้าน AI ได้ โดยปัจจุบัน SCBX มีบุคลากรกลุ่มนี้ยังไม่ถึงหลักพันคนและกำลังเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“เราไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อเทคโนโลยี ทุกการทำงานในกลุ่ม SCBX มีเป้าหมายชัดเจน” กวีวุฒิ ย้ำ
3 หน่วยงานหลักขับเคลื่อน AI Ecosystem
SCBX ขับเคลื่อนกลยุทธ์ AI ผ่านการทำงานสอดประสานกันของสามหน่วยงานหลัก ได้แก่ SCB 10X ซึ่งเป็นบริษัทลูกทำหน้าที่เสมือนห้องแล็บ มีนักวิทยาศาสตร์พัฒนา Foundation Model รวมถึง “ไต้ฝุ่น” โมเดลภาษาไทยที่พัฒนาขึ้นเอง ตามมาด้วย SCBX R&D ซึ่งเป็นทีมงานในบริษัทแม่ที่ทำหน้าที่ Prototyping และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของบริษัทลูก สร้าง Impact ทางธุรกิจจริงโดยใช้วิธีการแบบ Lean Startup และ Design Thinking และสุดท้ายคือ Data X บริษัทที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดในกลุ่ม และมีแพลตฟอร์ม (Agent X บน Azure AI Foundry) ที่สามารถ Scale AI Solution ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมุ่งเน้นการให้บริการภายในกลุ่ม SCBX เป็นหลัก แต่ Data X ก็มีวิสัยทัศน์ในการขยายบริการสู่ภายนอกในอนาคต
“ไต้ฝุ่น” โมเดลภาษาไทยระดับแนวหน้า และการวิจัยระดับโลก
โมเดล “ไต้ฝุ่น” (Typhoon) ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของ SCB 10X โดยปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นโมเดลภาษาไทยที่ดีที่สุด เปิดตัวตั้งแต่ปี 2023 ในรูปแบบโอเพนซอร์ส การเลือกพัฒนา “ไต้ฝุ่น” เป็นโอเพนซอร์สมีเหตุผลเชิงกลยุทธ์คือ เพื่อให้สามารถต่อยอดความก้าวหน้าของโมเดลโอเพนซอร์สระดับโลกที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดย SCBX จะเสริมความเชี่ยวชาญด้านภาษาไทยและ Code Switching (การสลับภาษาไทย-อังกฤษในการสนทนา) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการสื่อสารในไทย ทำให้ไม่ต้องผูกติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง ปัจจุบันไต้ฝุ่นมี API call กว่า 30 ล้านครั้ง ยอดดาวน์โหลดกว่า 5 แสนครั้ง และผู้ใช้งานกว่า 1 หมื่นคน มีการนำไปใช้งานจริงโดยพันธมิตรชั้นนำ เช่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราช (พัฒนาบอทอ่านเอกสารทางการแพทย์), VISTEC (งานวิจัย AI ด้านกฎหมาย) TDRI (งานวิจัย) และล่าสุดร่วมมือกับ ก.พ.ร. ในการพัฒนาระบบราชการ
ไต้ฝุ่นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีหลายเวอร์ชันครอบคลุมทั้ง Text, Voice, Image และมีหลายขนาดตั้งแต่ 1 พันล้านถึง 70 พันล้านพารามิเตอร์ ล่าสุด “ไต้ฝุ่น 2.1” พัฒนาบน open source “Gamma” ของ Google ซึ่งเป็นโมเดลขนาดเล็กแต่มีความสามารถสูง สะท้อนทิศทางอนาคตที่โมเดลจะเล็กลงแต่เก่งขึ้นและรันได้เร็วขึ้น ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ openthaifunt.ai
นอกจากนี้ SCBX ยังร่วมมือด้านการวิจัยกับสถาบันชั้นนำระดับโลกอย่าง MIT และ Stanford Human-Centered AI โดยมีเป้าหมายให้ AI Talent ขององค์กรสามารถเผยแพร่ผลงานวิจัยในเวทีระดับโลกได้ ซึ่งปัจจุบันมีผลงานตีพิมพ์ในงานประชุมวิชาการชั้นนำแล้ว
Use Cases สร้าง Impact ธุรกิจจริงการลงทุนและการบริหารความเสี่ยง
กวีวุฒิยกตัวอย่าง AI ที่สร้างผลกระทบทางธุรกิจแล้วหลายด้าน โดยรายได้จาก AI ของ SCBX มาจากหลากหลายรูปแบบ เช่น ธุรกิจสินเชื่อที่ใช้ AI ในการคำนวณเครดิต อย่างบริษัทลูก “มันนิกซ์” (Monix) ที่ให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันฟินนิกซ์ (FINNIX) ซึ่งใช้ AI 100% ในกระบวนการ หรือการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการทำงานต่าง ๆ Use Cases ที่โดดเด่นประกอบด้วย การใช้ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าของพนักงาน หรือ Market Conduct Detection ซึ่งใช้เทคโนโลยี ASR (Automatic Speech Recognition) ที่พัฒนาเอง แปลงเสียงเป็นข้อความ จากนั้นใช้โมเดลไต้ฝุ่นวิเคราะห์ว่าพนักงานพูดข้อมูลครบถ้วนตามเกณฑ์หรือไม่ และได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา AI สำหรับ Call Center และ Customer Service ตลอดจน AI สำหรับฝึกอบรมพนักงานขาย เช่น การฝึกขายประกันกับ AI
อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในภาคการเงินจำเป็นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ กวีวุฒิเน้นย้ำว่า AI ไม่สมบูรณ์แบบ 100% ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบควบคุม ตรวจสอบ ทำงานร่วมกับฝ่ายกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (compliance) และหน่วยงานกำกับดูแลของภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยทางไซเบอร์และการตอบสนองของ AI ที่เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งความเชี่ยวชาญในการจัดการกับความซับซ้อนและความเสี่ยงเหล่านี้ถือเป็นจุดแข็งของ SCBX
ด้านการลงทุน SCB 10X ยังเป็น Venture Capital ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกไปแล้วกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) ตัวอย่างเช่น Ripple (Blockchain โอนเงินข้ามประเทศ) และ Together AI (Cloud Service สำหรับ Open Source AI) ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเทรนโมเดลไต้ฝุ่นได้ถึง 70% สำหรับงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาโดยรวมของกลุ่ม SCBX ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 3-5% ของผลกำไร
4 เมกะเทรนด์ AI กำหนดอนาคต
ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ R&D and Innovation Lab Lead บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า ได้นำเสนอ 4 เมกะเทรนด์ AI ที่จะกำหนดอนาคตและทิศทางธุรกิจในเมืองไทย จาก AI Whitepaper
ประการแรกคือ Open and Closed Source Models ซึ่งแม้จะมีปรัชญาการสร้างที่ต่างกัน แต่จะนำไปสู่ “United Future of AI” โดยปัจจุบัน Open Source กำลังไล่ตาม Closed Source ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
ประการที่สองคือ Generative AI Trends ซึ่งประกอบด้วยแนวโน้มย่อยที่สำคัญคือ Multimodality ที่โมเดลสามารถรับและส่งข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ (ภาพ เสียง ข้อความ) ดังตัวอย่างแพลตฟอร์มฝึกอบรมพนักงานของ AutoX ที่ใช้ Voice-to-Voice AI, Smaller Models ที่มีขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพสูง สามารถ deploy บน edge device ได้ง่าย และ Smarter Models ผ่านเทคนิค Test-Time Scaling ที่ปล่อยให้โมเดล “คิดนานขึ้น” เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้เหตุผล
ประการที่สามคือ Agentic AI ซึ่งกำลังเปลี่ยนจาก Hype สู่การใช้งานจริง โดยมีความสามารถในการทำความเข้าใจโจทย์ วางแผน และประสานงานกับเครื่องมือต่าง ๆ
และประการสุดท้ายคือ Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งยังเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในวงการถึงนิยามและการเกิดขึ้นจริง ดร.ทุตานนท์ ทิ้งท้ายด้วยการเน้นย้ำความสำคัญของ “Clarity” ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล AI และหวังว่า Whitepaper ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้จริง
ขับเคลื่อน AI ไทยสู่การใช้งานในวงกว้าง
SCBX คาดหวังว่าการเปิดตัว “AI for All” ในวันนี้ จะเป็นการให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจไทยเกี่ยวกับแนวทางการนำ AI ไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะหัวใจสำคัญไม่ใช่แค่การมีเทคโนโลยี แต่คือการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ SCBX ได้เรียนรู้จากการลงมือทำ
“เราอยากให้ทุกคนมาลองใช้โมเดล AI ของคนไทยอย่าง ‘ไต้ฝุ่น’ และให้ฟีดแบ็กกลับมา เรามุ่งมั่นให้สิ่งนี้เป็น Open Platform ซึ่งเป็นนิมิตหมายใหม่สำหรับองค์กรเอกชน” กวีวุฒิ กล่าว
สำหรับภาพรวมการปรับใช้ AI ในธุรกิจไทยนั้น กวีวุฒิมองว่าความท้าทายหลักยังคงเป็นเรื่องของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ (AI Talent) การที่องค์กรต่าง ๆ เริ่มต้นจากโมเดลโอเพนซอร์สที่มีอยู่แล้วนำไปต่อยอด จึงเป็นแนวทางที่ SCBX แนะนำ
“เราหวังว่า Whitepaper นี้จะเป็นประโยชน์ และอยากให้ทุกท่านช่วยกันแชร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากให้คณะกรรมการ AI แห่งชาติได้อ่าน เราเชื่อว่า AI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย และเราหวังเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนเรื่องนี้” กวีวุฒิ กล่าว
การเปิดตัว AI Whitepaper และการประกาศวิสัยทัศน์ AI-First Organization ของ SCBX ในครั้งนี้ นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยี AI มาเป็นแกนหลักในการปฏิวัติองค์กรและอุตสาหกรรมการเงินของไทย พร้อมทั้งแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก